วงนอกวงใน เรื่องต้องรู้ก่อนเล่นรูเล็ต

คงปฏิเสธได้ยากครับว่า รูเล็ต เป็นเกมพนันที่เล่นง่าย และเป็นเกมพนันแรก ๆ ที่หลายคนเลือกเล่นด้วย จนทำให้กลายเป็นราชาแห่งคาสิโน คือไม่ว่าจะบ่อนเล็กบ่อนใหญ่ก็ต้องมีโต๊ะรูเล็ตให้ได้เล่นกัน สิ่งสมัยนี้ที่มีคาสิโนออนไลน์ให้เราได้เล่นกันง่ายขึ้น ไปเว็บไหนก็มีรูเล็ตออนไลน์ให้วางเดิมพัน แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมทั้งที่มีรูปแบบวางเดิมพันมากมายขนาดนั้นแล้วยังถูกรางวัลยากอีก นั่นก็เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจเรื่องรูเล็ตวงนอกวงในที่เรากำลังจะพูดถึงกันในวันนี้ครับ

เวลาเล่นรูเล็ตแทบจะทุกคนมักจะคิดว่าก็แค่วางเดิมพันลงไป ถ้าดวงดีก็ถูกรางวัลเหมือนกับเล่นสล็อต แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วใน 37 หมายเลขที่เห็นนั้น ถ้าไม่เข้าใจวิธีการเล่นวงนอกวงใน วางเดิมพันยังไงก็ยากที่จะชนะ เพราะแต่ละแบบจะมีวิธีเล่นที่ต่างกันดังนี้

รูเล็ตวงนอกเล่นยังไง จ่ายดีหรือไม่ กำไรชัวร์จริงหรือ

การเล่นรูเล็ตวงนอกเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ โอกาสชนะจึงมีมากกว่าการเล่นแบบวงใน ซึ่งการเล่นรูปแบบนี้มีโอกาสแพ้ชนะมากถึง 50 : 50 แต่มีข้อเสียตรงที่อัตราจ่ายค่อนข้างต่ำ เนื่องจากเป็นจุดที่คาสิโนออนไลน์ได้เปรียบเราน้อยที่สุด อย่างไรก็ตามการเล่นแบบวงนอกเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยชอบเสี่ยง เน้นชัวร์ ซึ่งวิธีการเล่นก็มีดังนี้

แทงสี วิธีเล่นก็ไม่ยากเพียงแค่ทายว่าลูกบอลจะหยุดที่สีอะไรเท่านั้น ซึ่งจะมีแค่สองสีให้เลือกคือ สีดำ กับสีแดง ส่วนสีเขียวที่เป็นของหมายเลข 0 นั้นจะไม่นับ และไม่สามารถวางเดิมพันได้ด้วย หากชนะเราจะได้รับอัตราจ่ายที่ 1 : 1
แทงคู่-คี่ จะนับเฉพาะหมายเลข 1-36 เท่านั้น โดยทายว่าลูกบอลจะหยุดที่เลขคู่หรือว่าเลขคี่ ถ้าทายถูกก็ถือว่าชนะ อัตราจ่ายคือ 1 : 1 เหมือนกัน
แทงสูง – ต่ำ การเล่นนี้จะแบ่งตัวเลข 1-36 ออกเป็น 2 กลุ่ม โดยเลข 1-18 เป็นเลขต่ำ ส่วนเลข 19-36 เป็นเลขสูง วิธีเล่นคือต้องทายว่าลูกบอลจะตกไปในเลขกลุ่มไหน เช่น ทายว่าออกสูง ถ้าลูกบอลหยุดที่หมายเลข 27 ก็ถือว่าชนะ อัตราจ่ายคือ 1 : 1
แทงยกแถว จะเป็นการแทงพร้อมกันทั้งหมด 12 ตัวเลข โดยบนโต๊ะรูเล็ตจะแบ่งตัวเลข 1-36 ออกเป็น 3 แถว ดังนี้

แถวที่ 1 (1st) มีหมายเลข 1, 4, 7, 10, 13, 16, 19, 22, 25, 28, 31, 34

แถวที่ 2 (2nd) มีหมายเลข 2, 5, 8, 11, 14, 17, 20, 23, 26, 29, 32, 35

แถวที่ 3 (3rd) มีหมายเลข 3, 6, 9, 12, 15, 18, 21, 24, 27, 30, 33, 36

สมมติทายว่าออกแถวที่ 3 ถ้าลูกบอลหยุดที่หมายเลข 12 ก็ถือว่าชนะ อัตราจ่ายคือ 1 : 2

แทงยกโซน จะคล้ายกับการแทงยกแถว คือแทงพร้อมกัน 12 เลข แต่การแบ่งเลขจะต่างกันออกไปดังนี้

โซนที่ 1 (1st) มีหมายเลข 1 ถึงหมายเลข 12

โซนที่ 2 (2nd) มีหมายเลข 13 ถึงหมายเลข 24

โซนที่ 3 (3rd) มีหมายเลข 25 ถึงหมายเลข 36

วิธีเล่นคือเราต้องทายว่าลูกบอลจะตกโซนไหน สมมติทายว่าโซน 2 แล้วออกหมายเลข 17 ก็ชนะ อัตราจ่ายคือ 1:1

รูเล็ตวงใน เล่นยังไง เสี่ยงมากจริงหรือ

แม้ว่ารูเล็ตวงในจะมีความเสี่ยงสูง โอกาสชนะน้อย แต่ด้วยอัตราจ่ายที่ให้มากถึง 36 เท่า ก็เย้ายวนให้นักเดิมพันหลายคนต่างอยากลอง เพราะมันทำกำไรได้มากในระยะเวลาสั้น ๆ และถ้าเอามาปรับใช้ร่วมกับสูตรเดินเงินหรือวิธีการเล่นรูเล็ตในรูปแบบต่าง ๆ ก็จะทำให้การวางเดิมพันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่วนวิธีการเล่นรูเล็ตแบบวงในมีดังนี้

แทงเต็งเลข คือเราจะต้องวางเดิมพันไปที่เลขใดเลขหนึ่งเท่านั้น แต่ว่าใน 1 รอบ สามารถวางเดิมพันได้หลายตัวเลข หากถูกรางวัลก็จะได้รับอัตราจ่าย 1 : 36 ซึ่งถือว่ามากที่สุดในเกมรูเล็ต
แทงค่อม 2 เป็นการทายพร้อมกัน 2 ตัวเลข แต่จะต้องเป็นตัวเลขที่อยู่ติดกันเท่านั้นจะเป็นด้านไหนก็ได้ ยกเว้นเลข 0 หากลูกบอลหยุดที่เลขใดเลขหนึ่งที่แทงไว้ จะได้รับอัตราจ่าย 1 : 17
แทงค่อม 3 เป็นการแทงพร้อมกัน 3 หมายเลขที่อยู่ติดกันและเรียงกัน เช่น 1, 2, 3 หรือ 7, 8, 9 แต่ถ้าเป็น 3, 4, 5 แบบนี้จะแทงไม่ได้ เพราะ 3 อยู่คนละแถวกับ 4, 5 จึงถือว่าไม่ติดกัน หากลูกบอลหยุดที่เลขใดเลขหนึ่งถือว่าชนะ อัตราจ่ายคือ 1 : 11
แทงค่อม 4 เป็นการแทงพร้อมกัน 4 หมายเลขที่อยู่ติดกัน โดยมุมของตัวเลขแต่ละตัวจะอยู่ติดกัน คล้ายกับสี่เหลี่ยมจัตุรัส เช่น 1, 2, 4, 5 หรือ 7, 8, 10, 11 เป็นต้น หากลูกบอลหยุดที่เลขใดเลขหนึ่งในสี่ตัวนี้ก็จะชนะ อัตราจ่ายคือ 1 : 11 เหมือนกัน
แทงค่อม 6 เป็นการแทงพร้อมกัน 6 เลข ลักษณะเหมือนกับการแทงค่อม 3 ที่อยู่แถวติดกัน อัตราจ่ายเมื่อชนะคือ 1 : 5

สูตรเดินเงินรูเล็ต มีจริงหรือ

เราอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับสูตรเดินเงินบาคาร่ากันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นมาร์ติงเกล, 1324, พาโรลี, ลาบูเซอร์, เดลองเบ และอื่น ๆ อีกสารพัด ซึ่งสาเหตุที่ต้องมีสูตรเดินเงินเหล่านี้ขึ้นมาก็เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนให้กับเรา เพิ่มโอกาสทำกำไร รวมไปถึงแก้สถานการณ์ต่าง ๆ เช่น เวลาเล่นเสีย เป็นต้น ส่วนการจะได้กำไรมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับการใช้สูตร จำนวนทุน และอีกหลายปัจจัย

ทีนี้อาจสงสัยกันว่าแล้วสูตรเดินเงินรูเล็ต มันมีจริงหรือ เอาจริง ๆ รูเล็ตเป็นเกมพนันที่สามารถใช้สูตรเดินเงินของบาคาร่ามาประยุกต์ใช้ร่วมกันได้ เพราะรูปแบบการเล่นเหมือนกันคือ วางเดิมพันตาเดียวจบรู้ผล ไม่เป็นเกมที่ยืดยื้อเหมือนโป๊กเกอร์ หรือเดินเกมเร็วเกินไปอย่างสล็อต

ส่วนสูตรเดินเงินที่ผมอยากแนะนำให้ลองใช้กันก็คือ มาร์ติงเกล กับสูตรเดินเงิน 1324 ซึ่งสองสูตรนี้ใช้งานง่าย เป็นที่นิยมมาก และใช้ได้ผลจริง แต่ว่าทั้งสองสูตรนี้จะมีเป้าหมายที่ต่างกัน เราไปดูกันเลยดีกว่าครับว่าเขาใช้กันยังไง และใช้ตอนไหนกัน

สูตรเดินเงิน Martingale

ต้องเรียกว่านี่คือสูตรแรกที่ทุกคนต้องรู้จักก่อนสูตรอื่นแน่ บางทีอาจจะไม่ใช่ชื่อนี้ แต่เป็นชื่อสูตรแทงทบ สูตร 5 ไม้ หรืออะไรทำนองนี้ แต่จริง ๆ มันคือสูตรเดียวกัน เพราะมันใช้หลักการทบเดิมพันเข้าไปเป็นสองเท่าของตาสุดท้าย และนิยมใช้เล่นกันแค่ 5 รอบต่อครั้ง หรือที่เรียกกันว่า 5 ไม้นั้นเอง

หัวใจสำคัญของสูตรมาร์ติงเกลคือ ทบเดิมพันเข้าไปทุกครั้งที่แทงเสีย ถ้าชนะให้หยุดแล้วเริ่มต้นแทงใหม่ที่ทำอย่างนี้ก็เพราะว่าเป้าหมายของมาร์ติงเกลไม่ใช่การทำกำไร แต่เป็นการถอนทุนคืน คือเมื่อเราชนะเราจะได้รับเงินที่เสียไปกลับคืนมาทั้งหมด พร้อมกับกำไรอีก 1 หน่วยเดิมพัน

ยกตัวอย่างเช่น ผมกำหนดให้ 1 หน่วยเดิมพัน มีค่าเป็น 10 บาท แล้วเดี๋ยวมาดูกันครับว่าสูตรนี้มันถอนทุนคืนกันยังไง

รอบที่ 1 แทง 1 หน่วย แพ้

รอบที่ 2 แทงทบเข้าไปเป็น 2 หน่วย แพ้อีก

รอบที่ 3 แทงทบอีกครั้ง 4 หน่วย ก็ยังไม่ชนะ

รอบที่ 4 แทงทบเพิ่มเข้าไป 8 หน่วย แพ้เหมือนเดิม

รอบที่ 5 แทงทบยกสุดท้าย 16 หน่วย รอบนี้ชนะ ได้กำไร 16 หน่วย

ทีนี้เอากำไร 16 หน่วยในรอบที่ 5 มาหักทุนที่เสียไปตั้งแต่รอบที่ 1-4 ทั้งหมด 15 หน่วย ก็จะเหลือกำไรอยู่ 1 หน่วย แต่จากตัวอย่างคือเป็นการแทงที่มีโอกาสแพ้ชนะ 50 : 50 หรือที่มีอัตราจ่าย 1 : 1 ส่วนใครจะเอาไปใช้กับอัตราจ่ายที่มากกว่านี้ก็ได้เหมือนกัน และกำไรที่จะได้รับกลับมาก็จะมากกว่าด้วย

ถึงอย่างนั้นการจะใช้สูตรนี้จำเป็นต้องเล่นอย่างมีเป้าหมาย มีวินัย ไม่ปล่อยให้มีอารมณ์ร่วมกับเกม เพราะถ้าได้แล้วคึก หรือว่ายิ่งเสียยิ่งอยากได้คืน แบบนี้จะทำให้ทบไม่รู้จบรู้สิ้น และจะหมดตัวไวขึ้นอีกด้วย เพราะข้อเสียของสูตรนี้ก็คือมันจะต้องทบเรื่อย ๆ จนกว่าจะชนะ ซึ่งถ้าทบจนเดิมพันเกินขั้นสูงสุดที่โต๊ะกำหนดไว้ก็จบเหมือนกันคือขาดทุนไปเลย ไม่ก็ทุนหมดก่อนที่จะได้เงินคืน ถึงมีการกำหนดเอาไว้คร่าว ๆ ว่าให้เล่นแค่ 5 รอบพอ หาก 5 รอบยังไม่ได้คืนให้เลิกไปเลยแล้วไปเริ่มใหม่

ส่วนทุนที่เหมาะสมสำหรับสูตรเดินเงินมาร์ติงเกลแนะนำว่าควรจะมีไว้สัก 100 หน่วยกำลังดี แม้ว่าทุนขนาด 50 หน่วยจะพอเล่นได้ แต่มันจะทำให้เราไม่มีสมาธิกับการวางเดิมพัน เพราะรอบท้าย ๆ มันจะรู้สึกว่าเงินใกล้หมด ต้องเอาชนะให้ได้ ก็เลยกลายเป็นว่าสูตรนี้ไม่เหมาะกับคนที่มีทุนน้อยไปโดยปริยาย

สูตรเดินเงิน 1324

ใครทุนน้อยอย่าน้อยใจ เพราะสูตรเดินเงิน 1324 นั้นช่วยได้แน่นอน และไม่ต้องใช้ทุนเยอะเหมือนกันมาร์ติงเกล แถมยังทำกำไรให้ได้มากถึง 10 เท่า ในการเอาชนะติดต่อกันแค่ 4 ครั้ง ส่วนวิธีการเล่นวิธีการใช้สูตรมีดังนี้

รอบที่ 1 แทงไป 1 หน่วย โชคดีชนะได้กำไร 1 หน่วย ไปต่อรอบ 2

รอบที่ 2 เอากำไรกับทุนในรอบแรกบวกทุนใหม่อีก 1 หน่วย เป็น 3 หน่วย รอบนี้ชนะ ได้กำไรกลับมา 3 หน่วย ตอนนี้มีกำไรสะสม 4 หน่วยแล้ว ลุยรอบต่อไปได้เลย

รอบที่ 3 ใช้กำไรมาวางเดิมพัน 2 หน่วย เก็บกำไรอีก 2 หน่วยไว้ ส่วนทุนเก็บคืนกระเป๋าไปเลย รอบนี้ชนะอีก ได้กำไร 2 หน่วย รวมแล้วได้กำไรสะสม 6 หน่วย

รอบที่ 4 รอบสุดท้ายจัดกำไรวางเดิมพัน 4 หน่วย เก็บที่เหลืออีก 2 หน่วยไว้ในกระเป๋า ชนะอีก ได้กำไรกลับมา 4 หน่วย รวมแล้วในรอบสุดท้ายได้กำไรทั้งหมด 10 หน่วย

เห็นไหมล่ะครับว่าเราสามารถเพิ่มเงินเป็น 10 เท่าได้ง่าย ๆ แค่ใช้สูตร 1324 เพียงแต่สูตรนี้จะต้องเอาชนะ 2 รอบแรกให้ได้เสียก่อน ถึงจะการันตีกำไร 2 หน่วยในรอบที่ 3-4 ได้ และต่อให้แพ้ในรอบที่ 1 หรือ 2 อย่างมากก็เสียทุนแค่ 2 หน่วยซึ่งก็ไม่ได้มากมายอะไร ถือว่าความเสี่ยงค่อนข้างต่ำอีกด้วย

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับวิธีการเล่นรูเล็นออนไลน์แบบวงนอกวงใน พร้อมกับสูตรเดินเงินน่าใช้ที่เอามาฝากกัน หวังว่าจะมีประโยชน์และสามารถทำกำไรได้เป็นอย่างดี แต่อย่างลืมว่าต่อให้สูตรดีแค่ไหน เล่นเก่งเพียงใด สุดท้ายเราจะทำกำไรไม่ได้เลยหากวางเดิมพันด้วยอารมณ์ หากรู้สึกว่าไม่ค่อยดีควรจะหยุดแล้วค่อยกลับมาเริ่มใหม่ อย่างน้อยจะได้มีกำไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง